Clove: ความตายเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

มาดูเบื้องหลังไปกับทีมผู้พัฒนา Clove ได้เลย

จะเป็นยังไงถ้าคุณคืนชีพจากหลุมศพได้? หรือช่วยเหลือทีมของคุณจากโลกหลังความตายได้? เว้นแต่คุณจะเป็น Phoenix ที่ใช้ Run It Back อยู่ การตายใน VALORANT นั้นหมายถึงการนั่งข้างสนามในขณะที่พันธมิตรของคุณพยายามพลิกเกมโดยไม่มีคุณ

ด้วย Clove คุณจะท้าทายข้อจำกัดสูงสุดได้ ซึ่งก็คือความตายนั่นเอง

ก้าวล้ำความตาย

สกิลของ Clove นั้นเกี่ยวข้องกับแนวคิดเรื่องความตายอันงดงาม เพราะการตายในแต่ละรอบอาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

แม้ว่าจะเป็น Controller แต่ Clove ไม่มีทางเลือกไปอยู่แนวหลังแน่นอน เพื่อปลดล็อกชุดสกิล คุณจะต้องกล้าเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่วางแผนมาแล้วและกระโจนเข้าสู่การต่อสู้ มีเส้นบาง ๆ ระหว่างการเล่นแบบปลอดภัยไว้ก่อนกับการเดิมพันทุกอย่าง และ Clove จะต้องหาจุดกึ่งกลางนั้นให้ได้

เรามาดูสกิลของ Clove ควบคู่ไปกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการสร้างสรรค์แต่ละสกิลจากนักออกแบบเกม Dan “penguin” Hardison ตามด้วยเบื้องหลังรูปลักษณ์ ภูมิหลัง และบุคลิกของ Clove กันเลย

Not Dead Yet (X): Clove ท้าทายความตายโดยการเปิดใช้งานแก่นอมตา เพื่อรักษาร่างไว้ เขาจะต้องฆ่าคู่ต่อสู้ทิ้งให้ได้

วิธีใช้ Not Dead Yet ในเกม: หลังจากตาย ให้เปิดใช้งานเพื่อคืนชีพ เมื่อคืนชีพแล้ว Clove จะต้องเก็บคิลหรือช่วยสร้างความเสียหายภายในเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นเขาจะตาย

ไม่มีสิ่งใดสื่อถึงความเป็นอมตะไปได้ดีกว่าการคืนชีพได้เมื่อต้องการอีกแล้ว นักออกแบบของ VAL รอคอยเอเจนท์ที่เหมาะสมที่จะเพิ่มสกิลประเภทนี้ให้กับเกมมาโดยตลอด และอัลติเมทของ Clove ก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่จะทำแบบนั้น

ถ้าคุณตายและอัลติเมทของคุณพร้อมแล้ว คุณจะมีเวลาสองสามวินาทีในการคืนชีพตัวเอง แต่คุณจะต้องเก็บคิลหรือช่วยเหลือภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อมีชีวิตรอดต่อไป สกิลนี้จะช่วยให้คุณคุมพื้นที่สำคัญหลังจากที่ตายหรือรุกหนักเกินไปได้ และบางครั้งการใช้อัลติเมทก็นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง แม้ว่าคุณจะไม่อาจเก็บคิลหรือช่วยเหลือได้ก็ตาม

“บางครั้งคุณก็ควรใช้อัลติเมท แม้คุณจะไม่คิดว่าจะเก็บคิลและอยู่ในรอบนั้นต่อไปได้ ถ้านั่นเป็นรอบที่สำคัญมากพอที่ทีมของคุณจะต้องชนะ เมื่อพิจารณาจากสถานะของเกมหรือการเงิน” penguin อธิบาย

Ruse (E): ห้วงความคิดของ Clove จะฉายภาพมุมมองของสนามรบจากด้านบน Clove จะใช้แก่นของเขาเพื่อสร้างเมฆที่บดบังทัศนวิสัย ซึ่งจะพลิกกระแสการต่อสู้ได้แม้ในโลกหลังความตาย

วิธีใช้ Ruse ในเกม: ติดตั้งเพื่อดูสนามรบ ยิงเพื่อกำหนดตำแหน่งที่เมฆ (ควัน) ของ Clove จะปล่อยออกมา กดโหมดยิงเสริมเพื่อยืนยันตำแหน่ง ปล่อยเมฆที่จะบดบังทัศนวิสัยในพื้นที่ที่กำหนด Clove ใช้สกิลนี้หลังจากตายแล้วได้

ถัดไป กดควันหลังตาย การรู้ว่าคุณยังคงมีควันให้ใช้ในหลังโลกความตายนั้นทำให้การลองเสี่ยงดูน่ากลัวน้อยลงมาก แต่จุดที่คุณตายนั้นสำคัญมาก ซึ่งทำให้สิ่งต่าง ๆ น่าสนใจยิ่งขึ้น เนื่องจากระยะควันของ Clove ถูกจำกัดให้อยู่ใกล้ ๆ กับจุดที่คุณตาย คุณจึงไม่อาจพึ่งพาจุดคอขวดคู่ใจของคุณได้ตลอด

“สกิลนี้ในเวอร์ชันแรก ๆ นั้นใช้ได้ทั้งแผนที่ และกลายเป็นแค่ควันที่ใช้ได้ตามที่ต้องการเสมอ ซึ่งคุณจะวางไว้ในจุดเดียวกันกับตัวละคร Controller คนอื่น ๆ ทันทีที่เราจำกัดขอบเขตของควันเล็กน้อย ผู้เล่น Clove ก็มีแนวโน้มที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ ในทันทีเพื่อช่วยเหลือทีมหลังจากตาย ซึ่งช่วยให้การขว้างควันมีความหลากหลายมากขึ้น”

Meddle (Q): Clove ขึ้นรูปเศษเสี้ยวแก่นอมตา ซึ่งเมื่อขว้างออกไป จะทำให้แก่นชีวิตของผู้ที่โดนระเบิดติดสถานะเสื่อมสลาย

วิธีใช้ Meddle ในเกม: ติดตั้งเศษเสี้ยวแก่นอมตา ยิงเพื่อขว้างเศษเสี้ยว ซึ่งจะระเบิดหลังจากทิ้งช่วงสักครู่ และทำให้เป้าหมายทั้งหมดในบริเวณนั้นติดสถานะเสื่อมสลายชั่วคราว

สกิลดีบัฟใช้ง่ายสำหรับชิงพื้นที่เตรียมตัว หรือสร้างคอมโบร่วมกับอัลติเมทของคุณเพื่อเก็บคิลหรือช่วยเหลือ และอยู่ในรอบนั้นต่อไป

“การเรียนรู้ระยะ จุด และเวลาที่คุณจะใช้สกิลนี้ใส่ผู้เล่นคนอื่นนั้นน่าพึงพอใจมาก” penguin กล่าว

เนื่องจาก Meddle จะระเบิดหลังจากเวลาที่กำหนด จึงไม่เหมาะสำหรับไลน์อัปหรือปาข้ามแผนที่ในช่วงหลังติดตั้ง Spike เพราะ Controller คนอื่น ๆ ใน VALORANT เหมาะกับสถานการณ์เหล่านั้นมากกว่า

นอกจากนี้ ดีบัฟเสื่อมสลายยังเหมาะกับ Clove อย่างมากอีกด้วย “เรารู้สึกว่าดีบัฟนี้เข้ากับธีมความตายอันงดงามได้ดี และเราอยากได้สิ่งที่จะส่งข้อความถึงผู้เล่นอย่างชัดเจน ว่าผู้เล่นจะไม่ได้อะไรจากบัฟเลยถ้าไม่ใช้ประโยชน์จากมัน”

Pick-Me-Up (C): Clove จะดูดซับพลังงานชีวิตของศัตรูที่ตาย ทำให้เขามีความคล่องตัวและพลังชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง

วิธีใช้ Pick-Me-Up ในเกม: ดูดซับพลังชีวิตของศัตรูที่ตายซึ่ง Clove เป็นคนสร้างความเสียหายหรือฆ่าในทันที เพิ่มความเร็วและพลังชีวิตชั่วคราว

เช่นเดียวกับสกิลอื่น ๆ ของเขา พลังของ Pick-Me-Up นั้นมาจากการที่ Clove เข้าต่อสู้ในแบบที่ Controller ทั่วไปไม่ควรทำ

“คุณจะไม่ได้อะไรจากสกิลนี้เลยถ้าคุณไม่ต่อสู้กับใครสักคนภายในช่วงเวลาหนึ่ง นี่จึงเป็นการส่งสารที่ชัดเจนถึงผู้เล่นว่าพวกเขาควรจะต่อสู้กับใครสักคน”

“ยิ่งไปกว่านั้น คุณจะใช้สกิลดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อเก็บคิลหรือช่วยสร้างความเสียหายแก่ผู้เล่นเท่านั้น นอกจากนี้ ทุกครั้งที่ผู้เล่น Clove บุกหนักเกินและตายไป Clove จะใช้ควันหลังจากที่ตายไปแล้วได้ ดังนั้นผมเลยอยากให้ผู้เล่น Clove มีเหตุผลที่จะได้สัมผัสกับลูปการเล่นหลังตายบ่อยขึ้น”

Pick-Me-Up และ Meddle ต่างก็มีส่วนสำคัญต่อการพาคุณเข้าสู่สถานการณ์ที่คุณจะได้ใช้สกิลหลังความตายอย่างมีประสิทธิภาพ ดังที่เราบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า จุดที่คุณตายถือเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้ใช้ Meddle และ Pick-Me-Up เพื่อเข้าสู่การต่อสู้อันดุเดือด คุณจะไม่ได้ตายในจุดที่จะช่วยให้คุณใช้ควันหลังตายของ Clove อย่างมีความหมาย หรือสู้ต่อเพื่อเก็บคิลด้วย Not Dead Yet ได้ ดังนั้นจงกล้าที่จะเสี่ยง ยอมตายเพื่อทีม (ในจุดที่เหมาะสม) ใช้จุดนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากโลกหลังความตาย และทำแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ

ทุกความเสี่ยงย่อมมาพร้อมกับรางวัล

สำหรับคนอย่างเรา ๆ ที่เข้าคิวเล่นคนเดียว การถูกขอให้เล่นตำแหน่งที่ขาดมักจะหมายถึงการเล่น Controller แต่บางครั้งคุณก็แค่อยากเข้าต่อสู้ Clove เหมาะสำหรับผู้ที่มาเติมเต็มทีมเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่เกมเพลย์ของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเอาตัวรอด แม้ในฐานะ Controller คุณก็ควรที่จะเข้าต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1

“เราตั้งสมมติฐานไว้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ว่าโดยทั่วไปแล้ว ผู้เล่นสายรุกนั้นไม่มีตัวเลือกที่หลากหลายมากพอในตำแหน่ง Controller ก่อนที่จะมี Clove ผู้เล่น Controller ที่อยากจะเล่นแบบดุดันต่างก็เลือกเล่น Omen กันแทบจะทุกคน” penguin กล่าว

“ผู้เล่นหลาย ๆ คนรู้สึกว่าต้องเล่นในเชิงรับมากเกินไปในตำแหน่งนี้เมื่อเทียบกับตำแหน่งอื่น ๆ ของเรา จึงเลือกที่จะไม่เล่นตำแหน่งนี้ไปเลย”

ก่อนจะออกมาเป็นสกิลต่าง ๆ ที่เรากล่าวถึงไปด้านบน ทีมได้ทดลองแบบต่าง ๆ มากมาย แต่สกิลที่ใช้ได้หลังจากตายซึ่งสามารถถ่วงเวลาหรือเปิดการต่อสู้ได้กลับให้ความรู้สึกที่ไม่ยุติธรรมสำหรับคู่ต่อสู้

“การที่ Clove ใช้แฟลชใส่คุณหลังจากที่ตายไปแล้วได้นั้นน่าหงุดหงิดอย่างมาก และการที่ Clove ขัดขวางศัตรูได้หลังจากที่ตายไปแล้วก็ทรงพลังอย่างยิ่ง แต่กลับไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่นัก”

ลูปการเล่นหลังตายของ Clove จะช่วยให้ Controller มีสไตล์การเล่นแบบใหม่ได้ แทนที่จะพยายามเอาตัวรอดและใช้สกิลของคุณเพื่อช่วยเหลือพันธมิตร คุณต้องเต็มใจที่จะสละชีวิตเพื่อทีม

E8A2_Clove_Yer_Toast_16x9.jpg

“ผมหวังว่า Clove จะช่วยสอนให้ผู้เล่นเห็นคุณค่าของชีวิตของตัวเองภายในแต่ละรอบได้” penguin กล่าว “การรู้เวลาที่คุณควรเสียสละตัวเองเพื่อเพื่อนร่วมทีมเพื่อเทรดและคว้าชัยชนะในรอบคือสิ่งสำคัญสำหรับผู้เล่น VALORANT”

ไร้ความกลัว

หลังจากคิดค้นเกมเพลย์แล้ว ทีมจะเจาะลึกส่วนอื่น ๆ ของเอเจนท์ ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก ภูมิหลัง รูปลักษณ์ เสียงพูด และอื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาถามคำถามต่าง ๆ กับตัวเอง เช่น: การเล่น Clove ให้ความรู้สึกอย่างไรบ้าง? Clove จะมีหน้าตาอย่างไร? Clove จะเป็นคนแบบไหน?

ตอนนี้คุณคงรู้แล้วว่าเกมเพลย์ของ Clove เป็นเรื่องเกี่ยวกับความตายอันงดงามที่ถูกจังหวะ เมื่อคำนึงถึงบุคลิกของ Clove ทีมเอเจนท์อยากจะต่อยอดจากแนวคิดหลักเกี่ยวกับสิ่งที่ตรงข้ามกันอันน่าประหลาดใจ หัวหน้าทีมเอเจนท์ John “RiotMEMEMEMEME” Goscicki อธิบายว่า:

“เราจะสร้างคนที่ดูอบอุ่นแต่เฉียบแหลมได้อย่างไร? คนที่พิลึกกึกกือ แต่ก็กล้าหาญด้วยอย่างงั้นเหรอ? เราจะทำให้ภาพลักษณ์ของโลกหลังความตายดูไม่มืดมนและโหดร้ายได้อย่างไร? คุณจะทำให้ความตายงดงามได้อย่างไร?”

ส่วนหนึ่งก็คือสไตล์ภาพวิชวลของ Clove เนื่องจากสกิลของ Clove เกี่ยวข้องความตาย รูปลักษณ์สกิลของเขาจึงให้ความรู้สึกถึงการเสื่อมสลายตามธรรมชาติ ศิลปินคอนเซปต์ออกแบบระลอกคลื่นและเส้นสายที่พัดผ่านควันของเขา โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากผักและผลไม้ที่เน่าเปื่อย เมื่อเพิ่มกลุ่มผีเสื้อสีเหลือบเข้ามา สกิลของ Clove ก็กลายเป็นการผสมผสานระหว่างการเกิดใหม่และความงดงาม

สีชมพูและสีม่วงที่หมุนวนในสกิลของ Clove นั้นสวยงามและน่าสนุก... แต่ก็อย่าได้ประมาทความเป็นอมตะที่ซ่อนอยู่ไปเชียว องค์ประกอบของพลังมหาศาลที่แฝงอยู่ในความขี้เล่นของวัยรุ่นนี้ถ่ายทอดออกมาเป็นบุคลิกของ Clove ได้เป็นอย่างดี

“สำหรับ Clove เรารู้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ในกระบวนการแล้วว่าองค์ประกอบของความซุกซนนั้นเหมาะสำหรับการควบคุมสนามรบในโลกหลังความตาย ซึ่งเขาเองก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน” Ryan “Pwam” Clements นักเขียนเรื่องราวอธิบาย “เขาจะสร้างปัญหาให้กับทีมศัตรูและช่วยเพื่อนของเขาไปพร้อม ๆ กัน เมื่องานศิลป์ของเขาพัฒนาขึ้น ความซุกซนนั้นก็เปลี่ยนไปเพื่อเปิดทางให้กับนิสัยที่สำคัญยิ่งขึ้น ซึ่งก็คือ ความกล้าบ้าบิ่นของเขานั่นเอง ความมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวของตัวเองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และกล้าที่จะเสี่ยงทั้งทั้งในและนอกสนามรบ”

E8A2_Clove_Facial_Expression.jpg

Clove นั้นใจกล้า ทั้งวิธีการพูด การใช้ชีวิต และวิธีการบุกของเขาในแต่ละรอบ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่าง แต่การสร้างตัวละครที่ให้ความรู้สึกสมจริงนั้นต้องการมากกว่าแค่บุคลิกที่กล้าหาญ และสำหรับทีมเอเจนท์แล้ว นั่นเท่ากับการค้นคว้าจนหัวฟู สำหรับเอเจนท์ทุกคน การค้นหาและเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญถือเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการนี้ ตั้งแต่หัวด้านแฟชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแอลเอของ Gekko ไปจนถึงความเชื่อมโยงของ Fade กับแมวจรจัดในอิสตันบูล ไปจนถึงจิตวิญญาณแห่ง Bayanihan ของ Neon แก่นที่แท้จริงของเอเจนท์นั้นอยู่ที่รายละเอียด

“ก็จริงอยู่ที่พวกเขาต่างเป็นเอเจนท์ยอดฝีมือผู้ชำนาญกลยุทธ์ แต่พวกเขาก็ยังเป็นคนที่มีภูมิหลัง วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และจุดที่แตกต่างกัน” Riot MEMEMEMEME กล่าว “แม้ว่าเราจะค้นคว้าอยู่เสมอ แต่เราก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเต็มตัวในทุก ๆ ด้าน สำหรับ Clove วัฒนธรรมสก็อตถือเป็นประเด็นสำคัญมาก ซึ่งต้องใช้เวลาและความละเอียดอ่อนในการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมจริง”

E8A2_Concept_Image_16x9.jpg

ตอนที่ตัดสินใจกันว่า Clove จะมีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน ทีมก็ตัดตัวเลือกจนเหลือแค่สก็อตแลนด์ หรือถ้าจะให้เจาะจงก็คือเอดินบะระนั่นเอง

“เอดินบะระเป็นการบรรจบกันที่น่าทึ่งระหว่างยุคสมัยเก่าและยุคสมัยใหม่” Pwam กล่าว “กลุ่มคนหนุ่มสาวผู้กล้าหาญที่เราชื่นชมกำลังพินิจและสำรวจประเพณีที่มีมาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคน”

รากฐานของชาวสก็อตและประวัติศาสตร์บ้านเกิดของ Clove ส่งผลให้เขามีพรสวรรค์โดยธรรมชาติในการเล่าเรื่อง ซึ่งคุณจะได้ยินจากวิธีที่เขาพูด สร้างความสัมพันธ์ และแม้กระทั่งในเกมที่เขาเล่นกับเพื่อนเอเจนท์

“ปาร์ตี้ของคุณย่างกรายเข้าสู่ดินแดนอันเย็นยะเยือก ความลับที่สาบสูญไปนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งผ่านน้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ความหนาวเย็นนั้นไร้ปรานี ทอยเต๋าเพื่อหลีกเลี่ยงหิมะกัด”
Clove เริ่มแมตช์ใน Icebox

“นี่เป็นโอกาสที่จะได้เน้นย้ำความเชื่อมโยงของ Clove กับสก็อตแลนด์และประเพณีของชาวสก็อต ในขณะเดียวกันก็เปิดรับด้านที่ขี้เล่นของเขาด้วย” Pwam อธิบาย “เราอยากแน่ใจว่า Clove นั้น ‘มาจากเอดินบะระ’ อย่างแท้จริง และรู้จักเมือง ผู้คนในเมือง และบทบาทของตัวเอง”

“แต่นอกจากการที่เขาชอบเล่าเรื่องหรือเล่นมุกตลกแล้ว Clove ยังเชื่อมโยงกับผู้คนรอบตัวอย่างแน่นแฟ้น ด้วยความกระตือรือร้นและการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันอีกด้วย เขาให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่ให้ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นในสก็อตแลนด์หรือที่ไหนก็ตาม และยืนหยัดเพื่อคนที่ขี้กลัวเกินกว่าจะต่อสู้เพื่อตัวเอง”

E8A2_Clove_Throwing_Orb_16x9.jpg