Vanguard x VALORANT

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของทีมระบบป้องกันการโกงไปพร้อม ๆ กับคนโกง

สวัสดีครับทุกคน! ผม Jose “the3” Chavez จากทีม Vanguard ระบบป้องกันการโกงของ Riot ครับ! ผมเป็นวิศวกรข้อมูล ซึ่งแปลว่าหน้าที่ของผมคือการจัดหาข้อมูลที่จำเป็นต่อการตรวจจับและดำเนินการกับคนโกงให้กับทีมอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ! พูดง่าย ๆ คือ ผมทำให้ข้อมูล “เป็นไปอย่างราบรื่น” การทำงานกับข้อมูลนั้นสนุกมาก แต่ผมอยากจะขอพักสักครู่เพื่อมาอธิบายการทำงานของ Vanguard ให้ฟังกัน

บอกตรง ๆ เลยนะ ผมพยายามขอให้  “mirageofpenguins” เขียนบทความนี้เหมือนที่เคยเขียนให้กับ League แต่เขากลับพึมพำเรื่องที่จะต้องคืนวิดีโอเทป หรืออะไรสักอย่างนี่แหละในระหว่างนี้ ผมจะมาอธิบายระบบป้องกันการโกงบน VALORANT PC, พูดถึงการตรวจจับเมาส์ใน VALORANT บนคอนโซล, แง้มข้อมูลเกี่ยวกับแผนระบบโรลแบ็ก Ranked ของเรา รวมถึงจะมาให้คำแนะนำที่สำคัญเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยของบัญชีด้วย

4 ปีแห่งการปกป้องแมตช์ของคุณ

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า Vanguard เปิดตัวบน VALORANT มา 4 ปีแล้ว การเดินทางครั้งนี้มันสุดยอดมาก และเราทุกคนต่างก็ผ่านอะไรมามากมายระหว่างช่วงเวลานั้น โชคดีที่ระบบป้องกันการโกงยังคงทรงประสิทธิภาพ และเราตั้งใจที่จะทำให้เป็นแบบนั้นต่อไป!

มาเริ่มจากสรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับการดำเนินการของเรากัน ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เราแบนบัญชีที่โกงไปมากกว่า 3.6 ล้านบัญชี หรือประมาณ 1 บัญชีต่อทุก ๆ 37 วินาที! โปรดทราบว่าตัวเลขนี้ไม่ได้รวมการดำเนินการเพิ่มเติมที่เราทำกับการใช้บอต การปั๊มแรงค์ หรือการจงใจเข้าคิวเล่นกับคนโกง ในแผนภาพด้านล่างนี้ คุณจะเห็นรายละเอียดของการดำเนินการต่าง ๆ ตั้งแต่เปิดตัว โดยจัดกลุ่มตามระบบที่ทำการแบน

  • การตรวจจับ: การแบนที่ลงโทษเนื่องจากเครื่องมือโกงที่ตรวจพบอย่างชัดเจน

  • ฮาร์ดแวร์: การระงับบัญชีแบบหน่วงเวลาสำหรับบัญชีที่ถูกระบุว่าเป็นผู้กระทำผิดซ้ำ

  • โดยเจ้าหน้าที่: การแบนโดยเจ้าหน้าที่หลังการตรวจสอบเคสโดยเจ้าหน้าที่

เราดำเนินการกับบัญชีที่โกงมากขึ้นยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเกมได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในหมู่คนโกงและผู้เล่น แต่ในขณะเดียวกัน เราเองก็พบว่าระบบตรวจจับอัตโนมัติของเราจัดการกับปริมาณงานที่มากเกินกว่าที่ฮาร์ดแวร์จะรองรับได้ นี่เป็นการตัดสินใจที่วางแผนมาเป็นอย่างดี ในขณะที่เราทดสอบและเปิดตัวแนวทางเพิ่มเติมเพื่อให้ VALORANT มีสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น (อ่านต่อก่อนนะ)

ภาพรวมที่ผ่านมาของการดำเนินการทั้งหมดที่ Vanguard ทำบน VALORANT รวมถึงการแบนโดยเจ้าหน้าที่ การแบนจากการตรวจจับอัตโนมัติ และการแบนฮาร์ดแวร์สำหรับผู้กระทำผิดซ้ำซ้อน ซ้อนทับด้วยเส้นที่แสดง % ของเกมที่มีคนโกงอยู่

แม้ว่ายอดรวมการแบนของเราจะสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ระยะเวลาในการตรวจจับของเรายังค่อนข้างสม่ำเสมอ จากกราฟด้านล่าง เราจะเห็นว่า “เวลาในการดำเนินการ” ของเรานั้นยังคงสม่ำเสมอเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับ “% ของเกมที่มีคนโกง” ที่คงที่ตามที่เห็นในแผนภาพด้านบน แม้ว่าการรับมือจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะกำจัดคนโกงออกจากเกมของเราโดยเร็วที่สุด ผมพูดว่า “โดยเร็วที่สุด” ก็จริง แต่บางครั้งการรอสักหน่อยก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน! จับตาดูกราฟนี้ไว้ เนื่องจากเราจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมเราถึงไม่ได้แบนคนโกงทุกคนในทันทีเสมอไป

จำนวนโดยเฉลี่ยของแมตช์ที่คนโกงเล่นก่อนจะถูกแบน

เราภูมิใจมากกับผลลัพธ์เหล่านี้ แต่ประเด็นคือ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงการตอบสนองต่อคนโกงของเรา แม้ว่าการค้นพบและไล่คนโกงเหล่านี้ออกจากสภาพแวดล้อมการแข่งขันของเราให้เร็วที่สุดจะเป็นเรื่องดี แต่เราก็อยากดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้นเช่นกัน เพื่อที่เราจะได้หยุดคนโกงจากการสร้างความเสียหายตั้งแต่แรก Vanguard ทุ่มเทอย่างเต็มที่อยู่แล้วเพื่อปกป้องเกมของเราจากการเจาะช่องโหว่ แต่เราจะทำอะไรเพิ่มได้อีกบ้าง?

บางครั้งเราก็พบกิจกรรมที่น่าสงสัยอย่างมากจากผู้เล่นบางคน อาจไม่ได้โกงให้เห็นกันจะ ๆ แต่ก็เกือบเข้าข่าย หรือบางครั้งเราก็ตรวจพบคนโกงและอยากมอบโอกาสแก้ตัวให้กับพวกเขา ในกรณีเหล่านี้ เราจะดำเนินการในสิ่งที่เรียกว่าข้อจำกัดของ Vanguard พูดง่าย ๆ คือ เรากำลังบอกให้บุคคลที่น่าสงสัยสัญญากับเราว่าจะไม่โกง โดยการเปิดใช้งานฟีเจอร์ระบบรักษาความปลอดภัยในตัวของ Windows ซึ่งจะทำให้โกงได้ยากยิ่งขึ้น วิธีนี้อาจทำให้เวลาในการดำเนินการของเราล่าช้าโดยไม่จำเป็น (ถ้าคนโกงกระทำผิดซ้ำ) แต่เนื่องจากวิธีนี้จะทำให้โกงได้ยากขึ้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อเปอร์เซ็นต์โดยรวมของเกมที่มีคนโกง

ทีนี้ มาดูกันว่าฟีเจอร์ระบบรักษาความปลอดภัยแบบใดที่เราอยากให้ผู้เล่นเปิดใช้งาน และเพราะเหตุใด ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า เราจะเจาะลึกรายละเอียดทางเทคนิคมากขึ้น ดังนั้น ถ้าคุณไม่สนใจเนื้อหาเกี่ยวกับฟีเจอร์ระบบรักษาความปลอดภัยของ Windows ก็ข้ามไปที่หัวข้อถัดไปได้เลย

เผยข้อจำกัด

ในตอนแรก ข้อจำกัดของ Vanguard กำหนดให้คุณต้องอัปเดตแพตช์ Windows ปัจจุบันเป็นเวอร์ชันล่าสุดเท่านั้น เนื่องจากเวอร์ชันเก่ามีโอกาสที่จะมีช่องโหว่ซึ่งจะใช้แทรกโค้ดลงในเคอร์เนลได้ ในทำนองเดียวกัน เราเองก็ใช้ข้อจำกัดของ Vanguard เพื่อบังคับใช้ TPM/Secure Boot แม้แต่บนเครื่อง Windows 10 เพื่อกำจัด Bootkit ที่เป็นเวกเตอร์และทำให้เรามี ID ฮาร์ดแวร์ที่ดียิ่งขึ้น ในขณะนี้ เรากำลังค้นคว้าเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการปล่อยตัวข้อจำกัดของ Vanguard เพื่อบังคับใช้ฟีเจอร์ระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ 2 รายการ นั่นคือการรักษาความปลอดภัยที่ใช้ระบบเสมือนจริง (VBS) และความสมบูรณ์ของโค้ดที่ป้องกันด้วยไฮเปอร์ไวเซอร์ (HVCI) ที่จะช่วยให้ Windows ดูแลเคอร์เนลให้ปลอดภัยจากมัลแวร์หรือการเจาะช่องโหว่เพิ่มเติมได้

เราเห็นการโกงรูปแบบใหม่ที่ใช้เครื่องมือ Direct Memory Access (DMA) เพิ่มขึ้น ซึ่งจะต่อเข้ากับเมนบอร์ดโดยตรงและเข้าถึงหน่วยความจำของโปรแกรมโดยไม่ต้องผ่าน CPU พูดง่าย ๆ คือ มันเป็นการควบคุมหน่วยความจำโดยใช้เครื่องมือภายนอก Windows จึงตรวจจับการดัดแปลงได้ยากขึ้น เพื่อจัดการกับปัญหานี้ เรากำลังพิจารณาข้อจำกัดที่จะบังคับใช้หน่วยจัดการหน่วยความจำอินพุต-เอาต์พุต (IOMMU) เพื่อลดช่องว่างและช่วยให้เราป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ที่เป็นอันตรายเจาะหน่วยความจำของเกมได้ แพลตฟอร์มคอนโซล (เช่น Playstation และ Xbox) ใช้เทคโนโลยี IOMMU เดียวกันนี้ในการดูแลหน่วยความจำของเกมให้ปลอดภัย และเราก็เห็นประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากแทบจะไม่มีการใช้ DMA ในคอนโซลเลย

ผมรู้ว่านี่เป็นข้อมูลที่เยอะมากในครั้งเดียว Windows สร้างฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยปกป้องเครื่องของคุณจากมัลแวร์ และหลาย ๆ โปรแกรมโกงก็ถือเป็นมัลแวร์รูปแบบหนึ่งที่กำหนดเป้าหมายไปที่ตัวเกม Microsoft คอยพัฒนาฟีเจอร์เหล่านี้เพื่อดูแลระบบปฏิบัติการของตนเองให้ปลอดภัยอยู่เรื่อย ๆ และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ระบบป้องกันการโกงในระดับเคอร์เนลก็จะไม่จำเป็นต่อการดูแลเกมของคุณให้ปลอดภัยอีกต่อไป ที่จริงแล้ว เราจะเห็นได้ว่า Windows พยายามย้ายแอปพลิเคชันขององค์กรภายนอกออกจากเคอร์เนลทั้งหมด (เนื่องจาก Windows เริ่มที่จะรักษาความปลอดภัยและทำแซนด์บ็อกซ์กับทุก ๆ อย่าง) เราแน่ใจว่าพวกคุณส่วนใหญ่คงไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้เลย เนื่องจากทุกคนล้วนเป็นคนดีที่แค่อยากเล่นเกมสนุก ๆ เท่านั้น

แต่ฉันยังเจอคนโกงอยู่เลย!

ก่อนหน้านี้ ผมได้แสดงแผนภาพของจำนวนแมตช์ที่คนโกงเล่นก่อนที่จะถูกแบนให้ดูไปแล้ว ถึงจะพูดให้ดูสวยหรูยังไง สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือมันไม่ใช่ 0 คุณอาจบอกว่าผมพยายามปลอบใจตัวเอง แต่เราไม่ได้อยากให้ตัวเลขนั้นเป็น 0 เลย วิธีการตรวจจับคนโกงอย่างแม่นยำมีปริศนาอยู่หลายอย่างด้วยกัน และเราก็อยากให้มันเป็นปริศนาต่อไป เนื่องจากนั่นจะทำให้ผู้พัฒนาโปรแกรมโกงทำงานได้ยากขึ้น มันคงไม่สนุกเลยถ้าเราจะต้องดิ้นรนอยู่ฝ่ายเดียว เราเลยอยากให้อีกฝ่ายเผชิญกับความท้าทายอย่างมากเช่นกัน หลายครั้งที่เราตรวจจับได้ทันทีว่ามีคนโกงเข้ามาในเกม แต่เราไม่ได้แบนพวกเขาในทันที เนื่องจากจะทำให้ผู้พัฒนาโปรแกรมโกงมีโอกาสทำการทดสอบแบบ A/B กับการตรวจจับของเรา ถ้าเราแบนคนโกงในทันที ที่ผู้พัฒนาโปรแกรมโกงจะต้องทำก็แค่เปลี่ยนโปรแกรมโกง สร้างบัญชีใหม่ (ขอเตือนให้รักษาความปลอดภัยบัญชีของคุณด้วยนะ) และดูว่าจะถูกแบนไหม และทำแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ ผู้พัฒนาโปรแกรมโกงจะรู้วิธีตรวจจับของเราได้อย่างรวดเร็ว แล้วปรับโปรแกรมโกงให้เหมาะสม และขายโปรแกรมโกงพร้อมโฆษณาว่า “ไม่มีทางโดนจับได้” เป็นครั้งที่ 34 แน่นอนว่าสุดท้ายเราก็จะสกัดผู้พัฒนาโปรแกรมโกงได้อีก แต่การชะลอการแบนออกไปให้นานขึ้นจะทำให้พวกเขาพัฒนาโปรแกรมโกงได้ช้าลง ซึ่งทำให้แนวทางการตรวจจับของเรายังใช้งานได้นานขึ้นด้วย

แม้ว่ากลยุทธ์ในการชะลอการแบนนี้อาจเป็นผลดีต่อระบบป้องกันการโกงของเรา แต่เราก็ทราบดีว่าผู้เล่นบางคนต้องเผชิญกับประสบการณ์ที่ไม่ดีเนื่องจากคนโกงก่อนที่จะถูกแบน ก่อนที่จะถูกแบน ผู้เล่นจะเสีย RR ที่หามาอย่างยากลำบากให้กับคนโกงเหล่านี้ ส่งผลให้พลาดโอกาสที่จะได้ไต่แรงค์ตามที่ควร เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็คงไม่ชอบ เราจึงร่วมมือกับทีมการแข่งขันและระบบโซเชียลของ VALORANT พัฒนาสิ่งที่เรียกว่าฟีเจอร์ “ระบบโรลแบ็ก Ranked” ขึ้นมา ฟีเจอร์นี้จะ “ยกเลิก” RR ที่เสียไปจากการแข่งขันกับคนโกงหลังจากที่ถูกแบน เพื่อให้ทั้งสองบัญชีได้รับสิ่งที่สมควรได้ นั่นคือ คนโกงจะถูกลบออกจากเกมของเรา และผู้เล่นจะได้รับสิทธิ์อวดฝีมือคืนมา ฟีเจอร์นี้ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่เราสัญญาว่าจะปล่อยตัวในเร็ว ๆ นี้

Vanguard x คอนโซล

เราเลิกสนใจศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับ PC แล้วมาดูอะไรใหม่ ๆ กัน ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Riot ได้เปิดตัวช่วง Closed Beta ของ VALORANT บนคอนโซลไป แม้ว่าการเปิดตัวเกมแรกบนคอนโซลจะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่สำหรับ Riot แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นก้าวใหม่ที่กล้าหาญสำหรับทีมระบบป้องกันการโกงของเราอีกด้วย เนื่องจากเรามีประสบการณ์ในการตรวจจับการโกงสำหรับคอนโซลอย่างจำกัด จึงมีงานหินรออยู่มากมาย

วงการโกงสำหรับการเล่นเกมคอนโซลนั้นแตกต่างออกไป PC ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมสิ่งที่จะทำงาน เวลาที่จะทำงาน และวิธีการทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้ปรับแต่งและเจาะช่องโหว่ของสภาพแวดล้อมการแข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตที่เป็นเจ้าของโดยตรง (เช่น Sony และ Microsoft) นั้นควบคุมคอนโซลอย่างเข้มงวดกว่ามาก การหลอกคอนโซลให้ทำสิ่งที่ผิดปกติจึงทำได้ยากกว่าอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ คนโกงบนคอนโซลเลยมักจะโจมตีด้วยวิธีที่แตกต่างออกไปอย่างมาก นั่นคือการควบคุมอินพุตในเกม ขณะที่ค้นคว้าวงการโกงในเกมยิงบนคอนโซล เราก็พบในทันทีว่าวิธีหลักที่ใช้ในการทำลายความยุติธรรมในการแข่งขันก็คือเมาส์และคีย์บอร์ดนั่นเอง

เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งบนคอนโซลส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับระบบช่วยเล็งในตัวเพื่อช่วยให้การเล่นด้วยจอยสติ๊กราบรื่นขึ้น และ VALORANT เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ระบบช่วยเล็งของเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งบนคอนโซลร่วมกับความสามารถของเมาส์คอมพิวเตอร์ในการสะบัดยิงอย่างง่ายดาย จะช่วยให้ทำผลงานได้ดีกว่าผู้เล่นที่ใช้คอนโทรลเลอร์อย่างแน่นอน Riot ทราบเรื่องนี้ดี และเพื่อรักษาความยุติธรรมของการแข่งขันระหว่างผู้เล่น Riot จึงตัดสินใจที่จะไม่ใช้การเล่นข้ามแพลตฟอร์มระหว่างผู้เล่นบนคอนโซลและ PC รวมถึงไม่อนุญาตให้ใช้เมาส์และคีย์บอร์ดในการเล่นบนคอนโซลอีกด้วย เยี่ยมไปเลย! ตอนนี้ผู้เล่นคอนโซลก็จะแข่งขันกันและรู้ได้เลยว่ากำลังเล่นอยู่ในการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน! แหม ถ้าง่ายขนาดนั้นก็คงจะดีสิ

ตัวอย่างของอุปกรณ์โกงอินพุตที่ใช้เพื่อเสียบเมาส์และคีย์บอร์ดเข้ากับคอนโซลเกม

น่าเสียดายที่จะมีคนพยายามเลี่ยงกฎอยู่เสมอ การโกงเกมบนคอนโซลไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างแค่การเสียบเมาส์และคีย์บอร์ดเข้ากับช่อง USB ของคอนโซลเท่านั้น เพื่อที่จะโกง คนโกงจะต้องซื้ออุปกรณ์โกงอินพุตที่จะปลอมแปลงเมาส์และคีย์บอร์ดให้คอนโซลมองเป็นคอนโทรลเลอร์ได้ อุปกรณ์เหล่านี้จะหลอกคอนโซลให้คิดว่าเสียบคอนโทรลเลอร์ไว้แล้ว ทำให้คนโกงได้ประโยชน์จากอินพุตเมาส์เลียนแบบและระบบช่วยเล็งด้วย นี่เป็นปัญหาใหญ่ในวงการเกมยิงบนคอนโซล ในที่สุดก็ถึงตาของเราแล้วที่จะคิดหาวิธีจัดการกับปัญหานี้…

ก่อนที่จะเปิดตัวบนคอนโซลนั้น เราไม่มีข้อมูลให้วิเคราะห์เลย และพวกเราบางคนก็สงสัยว่าควรจะรอจนกว่าคอนโซลจะเปิดตัวไปแล้วดีไหมเพื่อให้ได้ข้อมูลมา แต่ที่ Riot เรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่วันแรกเสมอ! ดังนั้น เราจึงต้องคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานี้ก่อนที่บุคคลทั่วไปจะเข้าเล่นได้

คนคาดเดากันว่า Riot อาจแค่ซื้อต่อข้อมูลมาจากผู้พัฒนาเกมยิงบนคอนโซลหลาย ๆ เจ้า แต่ความจริงก็คือ เราสวมบทเป็นสิ่งที่เคยสัญญาไว้ว่าจะกำจัดทิ้งซะเอง เราโกงตลอดช่วงการทดสอบการเล่นภายใน ด้วยการตั้งค่าและระดับทักษะที่แตกต่างกัน และเก็บข้อมูลตามจริง (ต้องขอโทษเพื่อนร่วมงานทุกคนด้วย ผมใช้คอนโทรลเลอร์เล็งไม่เป็นจริง ๆ) วิศวกรซอฟต์แวร์และวิศวกรข้อมูลของ Vanguard ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงการทดสอบการเล่น เพื่อสร้าง จัดรูปแบบ และตรวจสอบข้อมูลที่จำเป็นต่อการตรวจจับพฤติกรรมที่เป็นอันตราย หลังจากทดสอบการเล่นอยู่หลายครั้งและหาข้อมูลเพิ่มเติมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเราก็ได้ข้อมูลที่ต้องการเพื่อสร้างการตรวจจับเบื้องต้น

ในที่สุด ก็ได้เวลาเล่นเกมในวันที่ 14 มิถุนายนสักที แม้ว่าเราไม่มั่นใจนักว่าจะจับคนทุกคนได้ แต่ก็หวังว่าอย่างน้อยเราจะจับคนโกงได้บ้างก่อนที่จะสร้างความเสียหายมากเกินไป ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เราก็เห็นการแบนเกิดขึ้น! หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีการแบนอีกมากมายตามมา ผู้เล่นเริ่มสังเกตเห็นความพยายามของเราและเรารู้สึกดีใจมากเลย! ในช่วงสุดสัปดาห์ของการเปิดตัวนั้น เราสังเกตเห็นว่าคนโกงพยายามปรับตัวให้เข้ากับการตรวจจับของเรา เราจึงปรับเปลี่ยนการตรวจจับของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ก้าวล้ำหน้าอยู่เสมอ ซึ่งในตอนนั้น เราก็มีข้อมูลให้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และการตรวจจับของเราก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละรอบ

โพสต์จาก Anti-Cheat Police Department ที่แสดงการแบนแบบเรียลไทม์ของผู้เล่นที่โกงบน VALORANT บนคอนโซลโดยใช้อุปกรณ์โกงอินพุต รวมถึงเมาส์และคีย์บอร์ด

ผมแน่ใจว่าคุณกำลังคิดว่า ที่เล่ามาก็เจ๋งดีนะพวก ไหนลองโชว์ตัวเลขให้เราดูหน่อยสิ เอาล่ะ ถ้าคุณดูที่ด้านล่าง คุณจะเห็นกราฟที่แสดงจำนวนการดำเนินการที่เราทำบน VALORANT บนคอนโซลตั้งแต่การเปิดตัวช่วง Closed Beta ผมขอใช้คำว่า “การดำเนินการ” แทนคำว่า “การแบน” เนื่องจากเราทดลองใช้การยุติแมตช์ (และการแจ้งเตือนผู้เล่น) เป็นทางเลือกร่วมกับการแบนในทันที เกร็ดน่ารู้: เราจะเห็นจำนวนการดำเนินการที่เราทำพุ่งสูงตามความพร้อมในการเล่นเกมที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคใหม่ ๆ การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ช่วง Open Beta และการเปิดตัวเกมอย่างเต็มรูปแบบ

การดำเนินการที่ Vanguard ทำบน VALORANT บนคอนโซลตั้งแต่เปิดตัวช่วง Open Beta เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน และไม่แสดงยอดรวมคนโกงที่ชั่วคราวเพื่อไม่ให้สิทธิ์อวดฝีมือแก่คนโกง

แม้ว่าการหวนนึกถึงความสำเร็จครั้งแรกของเราในการรับมือกับคนโกงบนคอนโซลจะเป็นเรื่องสนุก แต่เราก็รู้ดีว่าศึกนี้ยังคงดำเนินต่อไป คนโกงจะท้าทายขีดจำกัดในการตรวจจับของเราอย่างต่อเนื่อง และเราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับโปรแกรมโกงเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ การโกงบนคอนโซลเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ Vanguard และทีมระบบป้องกันการโกงของเราจะยังคงรับมืออย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้เล่นสบายใจได้ว่ากำลังเล่นแมตช์ที่ยุติธรรม

คนดี ๆ เขาไม่ขโมยรถกันหรอก

จากโฆษณาที่ผมเคยเห็นตอนเด็ก ๆ ว่า คนดี ๆ เขาไม่ขโมยรถกันหรอก แต่คนโกงไม่มีปัญหาในการขโมยบัญชีของคุณเพื่อทำกิจกรรมที่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน คงจะดีไม่น้อยถ้าคนโกงยอมแพ้และเลิกใช้โปรแกรมโกงซะเมื่อถูกระงับบัญชี แต่พวกเขากลับไม่ทำแบบนั้น พวกคนโกงนั้นดื้อรั้น และจะพยายามกลับเข้าไปในเกมต่อให้จะถูกแบนก็ตาม แม้ว่าการปลอมฮาร์ดแวร์ การสร้างบัญชี และขั้นตอนการสอนใช้งานอาจดูเป็นเรื่องน่าเบื่อเมื่อต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คุณรู้ไหมอะไรที่ไม่เป็นแบบนั้น? การขโมยบัญชียังไงล่ะ!

น่าเสียดายที่เราอาศัยอยู่ในโลกที่แม้แต่รหัสผ่านของขวดน้ำต่อ WiFi ก็อาจรั่วไหลได้ และข้อมูลดังกล่าวอาจถูกนำไปใช้ในการเจาะอีเมล ธนาคาร หรือที่แย่ไปกว่านั้นก็คือบัญชี Riot Games ของคุณ! ผู้พัฒนาโปรแกรมโกงใช้การรั่วไหลเหล่านี้เพื่อเจาะเข้าไปในบัญชีของผู้เล่นที่ไม่มีความผิด และใช้ทำกิจกรรมที่เป็นอันตราย เราทราบเรื่องนี้ดี เนื่องจากเราพบว่าการแบนผู้เล่นที่โกงบน VALORANT นั้นถูกยกเลิกในภายหลังเนื่องจากบัญชีถูกแฮ็กถึง 4% ด้วยกัน และใช่แล้ว นี่เป็นกลยุทธ์ที่พบเห็นได้บ่อย ๆ ที่คนโกงมักจะใช้เพื่ออ้างว่าบัญชีของตนเองถูกแฮ็กเพื่อยกเลิกการแบน แต่เรารู้เวลาที่พวกเขาโกหก และจะไม่หลงเชื่อเด็ดขาด

แล้วคุณจะทำยังไงได้บ้างเพื่อป้องกันตัวจากปัญหานี้? สิ่งที่ง่ายที่สุดที่คุณทำได้ในทันทีก็คืออัปเดตรหัสผ่านของคุณ ผมมั่นใจว่าเราทุกคนคงนึกบัญชีที่มีรหัสผ่านที่เราใช้มาตั้งแต่ปี 2011 ได้ในทันที และความจริงก็คือ แม้ว่ารหัสผ่านนั้นจะจำได้ง่าย แต่ก็อาจเจาะรหัสผ่านได้ง่ายเช่นกัน การอัปเดตรหัสผ่านของคุณให้ใหม่ขึ้น เดายากขึ้น และเป็นรหัสผ่านเฉพาะของ Riot เท่านั้นจะช่วยลดโอกาสที่ผู้เล่นที่มีเจตนาไม่ดีใช้รหัสผ่านที่รั่วไหลออกไปเพื่อโจมตีคุณได้อย่างมาก สิ่งที่สองซึ่งทรงพลังที่สุดที่คุณทำได้คือ การเปิดใช้งานการยืนยันแบบสองขั้นตอนในบัญชี Riot ของคุณ คุณจะดำเนินการได้โดยลงชื่อเข้าใช้บัญชี Riot Games ของคุณ ไปที่การจัดการบัญชี และเปิดใช้งานการยืนยันแบบสองขั้น

หน้าการจัดการบัญชีของบัญชี Riot Games ที่แสดงการเปิดใช้งานการยืนยันแบบสองขั้นตอน

ผมเข้าใจดีว่าคุณอาจหงุดหงิดที่จะต้องอ่านอีเมลเพื่อหารหัสเข้าถึงในขณะที่คุณอยากเล่น Swifftplay หรือ Deathmatch แบบด่วน ๆ แต่เชื่อเถอะว่าความปลอดภัยของบัญชีที่คุณจะได้รับมันคุ้มเกินคุ้ม เวลาแค่ไม่กี่วินาทีที่เพิ่มเข้ามาในขั้นตอนล็อกอินของคุณนั้นจะช่วยชดเชยความเสียใจและเรื่องน่าปวดหัวที่คุณจะต้องเผชิญเวลาที่พยายามกู้คืนบัญชีของคุณกลับมา และคุณจะใช้คำแนะนำนี้กับทุกบัญชีออนไลน์ที่คุณมีด้วยได้ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล ธนาคาร หรือขวดน้ำต่อ Wi-Fi ก็ตาม อัปเดตรหัสผ่านของคุณ และเปิดใช้งานการยืนยันแบบสองขั้นตอนทุกครั้งที่ทำได้ วิธีนี้จะขัดขวางแผนของผู้ไม่หวังดีได้เป็นอย่างมาก และคุณจะนอนหลับได้สนิทขึ้นเมื่อรู้ว่าบัญชีของคุณ (และความพยายามทั้งหมดที่คุณทุ่มเทให้กับบัญชีนี้) ได้รับการปกป้องและปลอดภัย

ทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับทุกคน

ว้าว ผมเขียนเยอะกว่าที่คิดนะเนี่ย แต่ก็หวังว่าจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์นะ! ก็สนุกดีที่ได้หวนนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ แต่ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราต้องทำ โดยเฉพาะในตอนนี้ที่ Vanguard กำลังรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น VALORANT บน PC, VALORANT บนคอนโซล และ League of Legends (ใช่แล้ว นั่นก็ฝีมือพวกเราเหมือนกัน) ความพยายามเพื่อดูแลเกมของเราให้ยุติธรรมคงไม่สิ้นสุดลงในเร็ว ๆ นี้ และเราต้องคอยเฝ้าระวังถ้าอยากตามให้ทันอยู่เสมอ โชคดีที่เรามีทีมที่ชาญฉลาดและทุ่มเท ซึ่งเต็มใจจะทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างระบบป้องกันการโกงที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย Vanguard (รวมถึงการโกงในช่วงการทดสอบการเล่นภายในของเราเองด้วย) ในระหว่างนี้ โปรดอย่าลืมอัปเดตระบบรักษาความปลอดภัยของบัญชีคุณ และรายงานผู้เล่นที่คุณสงสัยว่าโกงเกมของเราเข้ามา! และขอฝากถึงพวกคนโกงด้วยว่า เลิกซะทีเถอะน่า